วันนี้ (วันที่ 9 ธันวาคม 2568) เวลา 13.30 น. ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มอบมหายให้ นายณัฐวุฒิ เปลื้องทุกข์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สคทช. และนายสกุลยุช ศรุตานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สคทช. ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทางและมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินครั้งที่ 2/2568 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี นายโสภณ ซารัมย์ เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายฯ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม 109 ชั้น 1 อาคารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผ่านระบบ VDO Conference
ในการพิจารณาวาระสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินของรัฐในหลายมิติ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบและเกิดประโยชน์สูงสุด แนวทางแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง ภายหลังการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ โดยมอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับ อบจ. ระนอง นำพื้นที่เข้าร่วมโครงการตามประกาศ ทช. รวมทั้งเห็นควรทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนการแก้ไขปัญหาที่ดินกรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยองที่ประชุมเห็นชอบต่อแนวทางการจัดการพื้นที่ทั้งเกาะตามผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ One Map ใน 2 กรณี ได้แก่ 1) พื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ประมาณ 2,472 ไร่ ให้คงสภาพและกำหนดเป็นที่ราชพัสดุ และ 2) พื้นที่ชุมชน วัด โรงเรียน และสถานีอนามัยรวมประมาณ 115 ไร่ ให้กันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติและมอบให้กรมธนารักษ์บริหารจัดการตามหลัก “One Land, One Law” โดยพื้นที่ส่วนที่เหลือมอบหมายกรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมธนารักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือร่วมกันให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว แล้วจึงนำกลับมาเสนอคณะอนุกรรมการฯ อีกครั้ง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ (ร่าง) กรอบมาตรการเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่ดินที่ถูกทิ้งร้าง เสริมสร้างประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศให้เป็นระบบและเกิดผลสูงสุด โดยกำหนดมาตรการเชิงข้อมูล เชิงนโยบาย และเชิงปฏิบัติ เพื่อมุ่งลดจำนวนพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างและเร่งรัดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด
การประชุมครั้งนี้สะท้อนบทบาทสำคัญของคณะอนุกรรมการฯ และสคทช. ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดินของประเทศให้มีเอกภาพ โปร่งใส และยั่งยืน รองรับการพัฒนาประเทศในระยะยาว






